วลีอันโด่งดังของออตโต้ ฟอน บิสมาร์ก เสนาบดีและรัฐบุรุษของปรัสเซีย-เยอรมนี ที่ว่า “ปัญหาสำคัญๆ ในยุคสมัยนี้จะไม่ได้รับการแก้ไขด้วยการกล่าวสุนทรพจน์และการลงมติรับของเสียงส่วนใหญ่ – ซึ่งนั่นคือข้อผิดพลาดร้ายแรงที่เกิดในปี 1848 และ 1849 – แต่จะแก้ไขด้วย เหล็ก (Eisen) และเลือด (Blut)”
คำพูดของบิสมาร์กได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของเหล็กและเหล็กกล้า ที่มีบทบาทที่สำคัญในการรวมประเทศและการก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจของเยอรมนี แม้ว่าคำว่า “เลือด” จะหมายถึงสงครามที่นำไปสู่การก่อตั้งจักรวรรดิเยอรมนี แต่ความเชี่ยวชาญของเยอรมนีในการผลิตเหล็กต่างหากที่วางรากฐานให้กับอุตสาหกรรมอันทรงพลังของประเทศนี้
ช่วงศตวรรษที่ 19 คือช่วงที่สำคัญที่ประเทศต่าง ๆ ได้ร่วมเป็นพยานในการปฏิวัติอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กกล้าของเยอรมนี ด้วยกระบวนการแบบ Bessemer-Verfahren ทำให้สามารถผลิตเหล็กกล้า คุณภาพสูงได้อย่างมหาศาล ส่งเสริมการเติบโตของศูนย์กลางอุตสาหกรรมอย่าง Ruhrgebiet ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางการทำเหมืองถ่านหินและการผลิตเหล็ก จัดหาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ขับเคลื่อนเครื่องจักรเศรษฐกิจของเยอรมนี
การมีเหล็กกล้าคุณภาพสูง ได้เปิดทางให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างน่าทึ่งในหลากหลายสาขา วิศวกรรมและการผลิตแบบแม่นยำสูง (Präzisionsfertigung) ของเยอรมนีเฟื่องฟู การผลิตเครื่องจักร เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ซับซ้อนได้รับความนิยมทั่วโลก โครงข่ายการคมนาคมทางรางที่เกิดจากอุตสาหกรรมเหล็กกล้าได้เชื่อมโยงรัฐเยอรมันเข้าด้วยกัน ส่งเสริมการค้าและการขนส่งได้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
อิทธิพลของการเป็นเครื่องจักรผลิตเหล็กกล้าของโลกนั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังหล่อหลอมอำนาจทางการทหารของเยอรมนีด้วย อุตสาหกรรมทหารของประเทศได้นำเหล็กมาผลิตอาวุธ เรือ และอุปกรณ์ทางทหารอื่น ๆ สร้างความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของเยอรมนีในฐานะชาติที่มีอำนาจทางทหารที่น่าเกรงขามในเวทีโลก
เมื่อขีดความสามารถทางอุตสาหกรรมของเยอรมนีเติบโต อิทธิพลและความทะเยอทะยานในระดับโลกของประเทศก็เพิ่มขึ้นด้วย ความรุดหน้าของการผลิตเหล็กกล้า ได้สร้างความตึงเครียดกับมหาอำนาจอื่น ๆ อันส่งผลถึงความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในทวีปยุโรปในศตวรรษที่ 20 อย่างไรก็ตาม มรดกของ “Eisen und Blut” ของบิสมาร์กยังคงปรากฏอยู่ในรากฐานของชาติ เป็นหลักฐานถึงความยั่งยืนของวัตถุดิบเหล่านี้ต่อการก้าวสู่ความโดดเด่นของเยอรมนีในเวทีโลก
ในเตาหลอมแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม เยอรมนีได้หล่อหลอมชะตากรรมของตนเองด้วยเหล็กกล้า ไม่เพียงแค่อำนาจทางเศรษฐกิจและทางทหาร แต่รวมถึงเอกลักษณ์ของชาติที่ประกอบขึ้นจากการทำงานหนัก ความมุ่งมั่น และการแสวงหาความก้าวหน้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
