ในตอนสุดท้ายของซีรีส์นี้ เราจะพาทุกคนไปดูผลกระทบและมรดกที่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง ซึ่งเปลี่ยนแปลงบริบททางด้านการเมือง เทคโนโลยีของโลกในยุคศตวรรษที่ 20 ออกไปอย่างสิ้นเชิง
- การทำสงครามในรูปแบบสนามเพลาะ: ยุทธวิธีในการทำสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่สำคัญคือการขุดสนามเพลาะเพื่อสร้างแนวการโจมตีและตั้งรับ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ขุดหลุมลึกที่ยืดตัวเป็นแนวยาวตั้งแต่ทะเลเหนือจรดไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของสงครามที่สิ้นเปลือง ทั้งงบประมาณ แรงงานและความคุ้มค่า
- สนามรบระดับโลกและพันธมิตรใหม่: นอกเหนือจากความขัดแย้งภายในประเทศที่อยู่ท้องที่ยุโรปแล้ว สงครามยังได้ขยายไปในตะวันออกกลาง, แอฟริกา, และเอเชีย โดยมีการจัดตั้งพันธมิตรใหม่ เช่น จักรวรรดิออตโตมันเข้าร่วมกับพันธมิตรสามฝ่าย (เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการีและอิตาลี) และสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมกับพันธมิตรฝ่าย Triple Entente (อังกฤษ ฝรั่งเศสและรัสเซีย) ในปี ค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) ซึ่งตามมาด้วยการทำสงครามด้วยเรือดำน้ำอย่างหนักหน่วงโดยประเทศเยอรมนี
- สงครามในบ้านและสงครามทั้งหมด (Home Fronts and Total War): แนวคิดของ ‘สงครามทั้งหมด’ (Total War) เกิดขึ้น โดยประเทศที่พยายามจะใช้ทรัพยากรและประชากรที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อการทำสงคราม ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงรากฐานของสังคมออกไปอย่างสิ้นเชิง จากเมื่อก่อนที่สงครามจะพูดถึงแต่ทหารที่เป็นผู้ชาย แต่หลังจากที่ผู้หญิงได้เข้าสู่ระบบแรงงานเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และประชากรพลเรือนก็ถูกระดมมาใช้ในอุตสาหกรรมสงคราม
- นวัตกรรมเทคโนโลยี: สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่สำคัญให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีที่ต่าง ๆ เช่น รถถัง, เครื่องบินและอาวุธเคมี ซึ่งมีอานุภาพการทำลายล้างที่สูงขึ้นมากเป็นทวีคูณ และนั่นทำให้เกิดความตื่นตัวและการเปลี่ยนแปลงทางด้านยุทธศาสตร์และยุทธวิธีทางการทหารมากมาย
- การปฏิวัติรัสเซีย: ผลกระทบจากสงครามที่ให้หลายประเทศมหาอำนาจประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ นำมาซึ่งการตั้งคำถามถึงสภาวะของผู้นำในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจักรวรรดิรัสเซียที่ ราชวงศ์โรมานอฟถูกปฏิวัติโดยกลุ่มบอลเชวิกในปี ค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) ส่งผลให้จักรวรรดิรัสเซียล่มสลายและการเกิดขึ้นใหม่ของสหภาพโซเวียต ซึ่งจะเป็นผู้เล่นสำคัญในการเมืองโลกหลังจากนี้
- การเจรจาสงบศึกและสนธิสัญญาแวร์ซาย: การบรรลุการเจรจาสงบศึกเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ.1918 (พ.ศ.2461) โดยความพ่ายแพ้ของ เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการีและอิตาลี เป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 1 และประเทศฝ่ายพันธมิตรสามฝ่าย จำต้องลงนามในสนธิสัญญาแวร์ซายที่ตามมากำหนดการชดใช้ค่าเสียหายและการสูญเสียดินแดนที่มากเกินไปของเยอรมนี ซึ่งหว่านเมล็ดพันธุ์ของความไม่พอใจที่จะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สอง
- สันนิบาตชาติ: สงครามครั้งที่หนึ่งได้นำไปสู่การสร้างสันนิบาตชาติ ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่มีเป้าหมายเพื่อป้องกันความขัดแย้งในอนาคต แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในการป้องกันการอุบัติขึ้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็นับได้ว่าเป็นการวางรากฐานที่สำคัญสำหรับสหประชาชาติในปัจจุบัน
- การระบาดของไข้หวัดใหญ่และผลกระทบทางเศรษฐกิจ: ความอ่อนแอและความบอบช้ำทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ขัดแย้งในสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้การระบาดของไข้หวัดใหญ่ 1918 ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ชีวิตหลายล้านคนทั่วโลกต้องจบลง นำไปสู่ช่วงเวลาของความไม่มั่นคงทางการเงินและวิกฤติทางเศรษฐกิจที่หนักที่สุดครั้งหนึ่งของมนุษย์ชาติ
สงครามโลกครั้งที่หนึ่งสิ้นสุดลงด้วยผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระเบียบโลก สังคมและความถดถอยทางเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ มรดกที่เหลืออยู่คือความซับซ้อนของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี พลวัตรทางการเมืองและการระลึกถึงความสูญเสียของมนุษย์อันมหาศาลของสงครามที่คาดหวังว่าจะเป็น ‘สงครามเพื่อยุติสงครามทั้งหมด’ ได้ทิ้งรอยประทับที่ลึกลงในประวัติศาสตร์ สร้างรอยร้าวที่หยั่งลึกและพร้อมที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งระดับโลกและกำหนดทิศทางทางการเมืองของศตวรรษที่ 20 ต่อไป