เรียกได้ว่าช่วงนี้ กระแสของน้องหมูเด้งมาแรงแซงทางโค้งเหลือเกิน ขนาดผมเองก็ยังเป็น FC ของหมูเด้งเลย น่ารัก น่าเอ็นดู มากๆ และด้วยความที่ตัวของน้องมีมันเลื่อม ๆ ออกมาตลอดเวลาทำให้หลาย ๆ คนมักเอาหมูเด้งไปเปรียบเทียบกับขาหมูที่เราชอบกินกันบ่อย ๆ ผมเองก็เลยฉุกคิดขึ้นได้ว่า เอ แล้วขาหมูเยอรมันเนี่ย มันมีกี่แบบกันนะ เพราะตอนที่เราอยู่ที่นั่นเราได้กินขาหมูหลากหลายแบบจริง ๆ ก็เลยเป็นที่มาของบทความในวันนี้ ว่าด้วยเรื่องของ Schweinshaxe หรือขาหมูล้วน ๆ ซึ่งพอไปดูจริง ๆ แล้วรู้หรือไม่ว่าอาหารจานนี้มีความแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค? ผมเลยขอชวนเพื่อน ๆ มาร่วมเดินทางชิมรสอันแสนอร่อยไปทั่วเยอรมนีกัน!
1. บาวาเรีย: “Haxe” แบบคลาสสิก
เริ่มต้นกันที่รัฐบาเยิร์นหรือบาวาเรีย ที่ซึ่ง Schweinshaxe หรือขาหมูเนี่ย ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของท้องถิ่นเลยทีเดียว คนที่นี่มักเรียกมันสั้น ๆ ว่า “Haxe” ซึ่งเวอร์ชันบาวาเรียนนี้ขาหมูจะถูกอบอย่างช้าๆ จนกระทั่งหนังกรอบน่ากินอย่างน่าอัศจรรย์ เหมือนกับเปลือกขนมหวานที่ห่อหุ้มเนื้อฉ่ำๆ ไว้ มักเสิร์ฟพร้อมกับมันบดครีมมี่หรือ Knödel (ก้อนแป้งนึ่ง) และ Sauerkraut รสเปรี้ยว ซึ่งมักจะเสิร์ฟมาคู่กับเบียร์แก้วใหญ่ ทำให้เป็นมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบหลังจากวันแห่งการเฉลิมฉลอง โดยชาวบาวาเรียนเชื่อในการรักษาความเรียบง่าย และการปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และกระเทียมเท่านั้นก็เพียงพอที่จะสร้างอาหารจานที่น่าจดจำนี้
2. แฟรงโคเนีย: ความอร่อยแบบหมักเครื่องเทศ
ตอนนี้ เราเดินทางไปทางเหนือเล็กน้อยสู่แฟรงโคเนียซึ่งมันก็คือบาวาเรียตอนเหนือนี่แหละ ภูมิภาคนี้มีชื่อเสียงในการปรุงขาหมูแบบพิเศษ ที่นี่ อาหารจานนี้จะถูกหมักในส่วนผสมของเบียร์ กระเทียม และสมุนไพรก่อนนำไปอบ ขั้นตอนพิเศษนี้ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับเนื้อ ทำให้มีความฉ่ำและหอมน่ากิน บางครั้ง Schweinshaxe แบบแฟรงโคเนียนจะถูกเคี่ยวแทนการอบ ทำให้มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มกว่าและมีรสชาติที่เข้มข้นลึกซึ้งกว่า ชาวท้องถิ่นจะชอบเสิร์ฟขาหมูคู่กับ Semmelknödel (ก้อนขนมปังนึ่ง) หรือสลัดมันฝรั่ง ซึ่งจะช่วยตัดความเลี่ยนของขาหมู และยิ่งถ้าได้กินคู่กับไวน์หรือเบียร์ จะยิ่งเพิ่มรสชาติให้มากที่สุด
3. เบอร์ลิน: ประสบการณ์ Eisbein
พาทุกคนมุ่งหน้าไปทางเหนือสู่เบอร์ลิน เราจะได้พบกับ Eisbein ซึ่งเรียกว่าเป็นเวอร์ชันขาหมูของเมืองหลวง ซึ่งต่างจากเวอร์ชันอบที่พบในบาวาเรียและแฟรงโคเนีย โดย Eisbein ตามประเพณีจะถูกต้มหรือเคี่ยว และจะอยู่ในน้ำซุปรสเข้มข้นพร้อมกับหัวหอม เมล็ดจูนิเปอร์ และใบกระวาน ซึ่งจะได้ผลลัพธ์คือเนื้อสัมผัสที่นุ่ม ละลายในปาก ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนจากขาหมูทางใต้ที่มีความกรอบ และมักเสิร์ฟพร้อมกับ Sauerkraut และถั่วบด ซึ่งเป็นการผสมผสานที่เพิ่มรสเปรี้ยวให้กับจานขาหมู และถ้าจะให้ original ที่สุดละก็ อย่าลืมกิน Eisbein ของคุณกับเบียร์ Pilsner ท้องถิ่นหละ
4. ทูริงเกน: ความประหลาดใจแบบรมควัน
มาสานต่อการเดินทางชิมของเราสู่ทูริงเกน ที่ซึ่งเราจะพบกับเวอร์ชันรมควันของขาหมูที่จะถูกหมักเกลือและรมควัน ทำให้มีรสชาติเฉพาะตัวที่แตกต่างจากแบบอบหรือต้ม Schweinshaxe แบบทูริงเกนมักถูกปรุงในสตูว์หรือซุป โดยนำรสชาติรมควันมาเพิ่มให้กับน้ำซุป เวอร์ชันนี้มักเสิร์ฟพร้อมกะหล่ำปลี มันฝรั่งบด หรือขนมปังท้องถิ่น ช่วยให้รสชาติควันและเค็มโดดเด่นขึ้นมา เหมาะมากสำหรับการอุ่นร่างกายในช่วงฤดูหนาวของเยอรมนี!
สรุปแบบรวบรัด
จากขาหมูอบกรอบของบาวาเรียไปจนถึง Eisbein ต้มของเบอร์ลิน ทำให้แต่ละภูมิภาคมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวใกับอาหารจานนี้ ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะชอบขาหมูแบบรมควัน หวาน เปรี้ยว หรือเพียงแค่กรอบและอร่อย ก็มีเวอร์ชันที่รอให้ได้ลิ้มลองอย่างหลากหลาย!
ดังนั้น ครั้งหน้าที่ใครได้ไปเยอรมนี ก็ลองออกไปผจญภัยขาหมูในแต่ละเมืองกัน แต่อย่ากินเยอะมากนะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นหมูมีขาซะเอง Guten Appetit!